1. เลือกที่ประหยัดไฟ
- ควรเลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 สามดาว และควรดูแอร์ที่มีค่า SEER หรืออัตราส่วนประสิทธิภาพพลังงานตามฤดูกาลตามที่ระบุไว้บนฉลากเบอร์ 5 ควรดูค่า SEER สูงไว้ก่อน เพราะค่า SEER ยิ่งสูง จะช่วยให้ประหยัดไฟได้มากยิ่งขึ้น
2. เลือกที่เทคโนโลยี
- ระบบ Inverter เป็นระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานและรักษารอบคอมเพรสเซอร์ ให้ใกล้เคียงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ส่งผลให้ควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำและประหยัดพลังงานมากขึ้น
- ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว ช่วยให้ประหยัดพลังงาน หากไม่มีคนอยู่ในห้องแอร์ก็จะไม่ทำงาน
3. คำนวณ BTU ของแอร์
- หากค่า BTU สูงเกินไป จะทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้ามากขึ้น หรือหากค่า BTU น้อยเกินไป การกระจายความเย็นจะไม่ทั่วถึง แอร์จะทำงานหนักขึ้น และส่งผลต่ออายุการใช้งาน การเลือกแอร์ที่มีขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดของห้องทำให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น
4. เลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน และสถานที่
- ประเภทของแอร์มี 4 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ แบบติดผนัง แบบแขวนใต้ฝ้า แบบฝังใต้เพดาน แบบตู้ตั้งพื้น โดยแต่ละประเภทจะมีการใช้งานที่แตกต่างกัน เพียงเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน จะเรื่องการประหยัดพลังงานและประหยัดไฟมากขึ้น
- เครื่องปรับอากาศในปัจจุบันมีอยู่มากมายหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันออกไป ทุกท่านสามารถนำเคล็ดลับการเลือกซื้อแอร์ดังกล่าว เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจในการเลือกซื้อ เพียงเท่านี้ก็จะได้แอร์ตัวใหม่ที่มีความคุ้มค่า ช่วยประหยัดเงิน และประหยัดพลังงาน
ที่มา : HOPEMAN https://bit.ly/3zCpfzw , Facebook กระทรวงพลังงาน
3 ทริคง่าย ๆ เลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศอย่างไรให้เหมาะสมและประหยัดไฟ
วันที่ 29 ตุลาคม 2564 สำนักงานพลังงานจังหวัดราชบุรี ได้จัดกิจกรรม โครงการเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์บริการ ข้อมูลด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเคลื่อนที่ (Energy Mobile Unit) การสาธิตการใช้หม้อก๋วยเตี๋ยวประสิทธิภาพสูง ณ ตลาดเกษตรกรจังหวัดราชบุรี
การประชุมคณะทำงานบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านพลังงานเชิงพื้นที่ ปีงบประมาณ 2565 และชี้แจงหลักเกณฑ์ เงื่อนไขแนวทางการจัดทำข้อเสนอโครงการ